ห้องที่ ๗๕ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงษเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ


           ราเมศไสเยศเบื้องบรรจ์ฐรณ
จวนรุ่งทวิชากรเกริ่นร้อง
วายุพัดกลิ่นเกสรรวยรื่น
ดัดผธมสู่ห้องอุทกทุ้งไขสนาน
          เสรจเสดจออกเหล่าล้วนขุนกระบินทร์
พื้นพระยาพานรินทร์อยู่เฝ้า
ชมภูพวกขีดขินดาดาษ
ทรงสดับเสียงโห่เร้าสั่งให้จดพล
          ตรัสสั่งพระน้องร่วมชีวัน พี่เอย
จงยกออกโรมรันรับรั้ง
มวญมารมุโมหันกำเริบ ฤทธินา
อย่าประมาทพลาดพลั้งเพลี่ยงพล้ำเสียที
          พระลักษณประนตน้อมลาลง มานา
สู่ที่สระสรงทรงเครื่องแพร้ว
เถลิงรถหัดถ์ธำรงค์ศรสาตร
ยาตรพยุห์บันลุแล้วหยุดยั้งกลางสนาม
          กำปั่นสิทธิศักดิเหี้ยมฮึกหาญ
เหนกระบี่เดือดดาลเข่นเขี้ยว
ร้องสั่งหมู่พลมารให้หัก โหมเฮย
จับเหล่าลิงขบเคี้ยวอย่าให้เหลือหลอ
          พลมารแผลงฤทธิเข้าหาญหัก
ลิงฉุดอาวุธยักษปลักปล้ำ
ยักษโจนจับลิงผลักยักษพลัด พลาดเฮย
ลิงพิฆาฎคมำขว้ำฟาดซ้ำฟันเสีย
          ขุนมารกำปั่นผู้นายทัพ
เหนยักษย่นย่อยยับมอดม้วย
โกรธเกรี้ยวเทิดฃอขยับคชยาตร ออกเฮย
ควาญออกกระแซงด้วยไล่ล้างพลลิง
          วายุบุตรตวาดร้องถามนาม กรเอย
กำปั่นบอกแล้วถามชื่อบ้าง
หณุมานบอกฤๅขามขยาดฤทธิ เลยพ่อ
ยืนสกัดหน้าช้างยั่วเย้ากุมภัณฑ์
          กำปั่นคิดเคียดแค้นพานร
ไล่เตลอดตลมบอนขวิดคว้า
หณุมานรูกราญรอนไวว่อง
กวัดแกวงตรีคมกล้าต่อสู้อสุรี
          แทงถูกคชแกว่นแกล้วล้มลง
ควาญตกกลิ้งปลดปลงชีพม้วย
กำปั่นฤทธิเรืองรงค์โกรธโลด ลงเฮย
เสียคชเสียควาญด้วยเสร็จซ้ำเสียพล
          เผ่นโผนโจนจับได้ขุนกระบินทร์
ฟัดฟาดกับแผ่นดินเหวี่ยงทิ้ง
วายุบุตรผลุดผันผินหน้าต่อ ยุทธนา
จรีฟาดกำปั่นกลิ้งเสือกดิ้นเศียรกระเดน
          ฝ่ายกองคอยเหตุรู้ตกใจ
ขับดุรงค์รีบไปไม่ช้า
ครั้นถึงจึ่งทูลไขคำข่าว ศึกเอย
กำปั่นออกโรมร้าสุดสิ้นชีวัน
          ทศเศียรทราบเดือดร้อนอาดูร
ลืมคิดอินทรชิตทูลสั่งไว้
เรียกไวยะกาสูรให้รีบ ไปเอย
บอกแก่ลูกกูให้เร่งรี้พลมา
          ตรัสสั่งแล้วเสด็จขึ้นศิริไส ยาเอย
ไวยะกาสูรไปไป่รั้ง
ถึงหาดสัตภัณฑ์ไศลสนองข่าว เข็ญนา
กำปั่นฮึกหาญตั้งต่อต้านถึงตาย
          อินทรชิตหลับเนตรตั้งสาธยาย มนต์เอย
แว่วข่าวกล่าวความตายสดับสดุ้ง
เสียกิจวิทยาคลายเสียเสื่อม เวทแฮ
กระทืบบาทกราดเกรี้ยวฟุ้งคาดคั้นหั่นหัว
          แล้วกลับได้สติตั้งบริกรรม
หลับเนตรอ่านเวทสำหรับใช้
พรหมมาศสาตรศรทำโดยเลศ
จนครบพันคาบได้ครั่นคฤ้ๅนปัถพี
          ยินดีสำฤทธิได้ดั่งประสงค์
ฆ่าแพะโคดำลงแด่วดิ้น
ถาดจำหลักทองผจงรองเลือด
พรหมมาศสูบกินสิ้นเสร็จแล้วเจิมสุคนธ์
          จึ่งสั่งอำมาตยผู้จัดพล นิกายฮา
เหล่าแทตยให้แปลงตนยักย้าย
เปนเทพยบุตรอับศรคนธรรพนัก สิทธิเอย
เราจักแปลงให้คล้ายเทพย์ท้าวสหัศนัย
          รุทการรับสั่งแล้วออกมา
จัดกระบวนโยธาหลากล้วน
สารทรงเฉภาะการุณราช นิมิตรแฮ
สามสิบสามเศียรถ้วนเช่นช้างอินทร์ทรง
          เศียรหนึ่งนับได้เจดกิ่งทันต์
มีสระกอบุษบันดอกก้าน
กลีบอีกอับศรสรรพ์ปริสัช นางนา
สิ่งละเจดดูสคร้านครบสิ้นทุกเศียร
          พลมารแปลงรูปเพี้ยนสลับสลอน นาฮา
บ้างก็เปนเทพยนิกรแวดล้อม
บ้างเปนวิทยาธรคนธรรพ บ้างเอย
กวัดแกว่งอาวุธพร้อมแห่หน้าอสุรินทร์
          อินทรชิตนฤมิตรแม้นโกษีย์
ชำระสระอินทรีย์ผ่องแผ้ว
อาภรณ์รัตนรูจีประดับ องค์เอย
กรจับพรหมมาศแกล้วสถิตยเบื้องสอสาร
          ช้างนิมิตรฤทธิเลิศล้ำเลอสรร
แลเล่ห์เอราวรรณ์ว่ายฟ้า
สีเทียมเทียบหิรัญเรืองโรจ
ดาวมาศสีสุกจ้ากุดั่นแพร้วคชาภรณ์
          ได้ฤกษจึ่งให้เลิกพลนิกร
เทเวศวิทยาธรกลาดกลุ้ม
เดินโดยทิฆำพรดาดาษ
ตระบัดเบิกพยับคลุ้มเคลื่อนคล้อยลอยโพยม
          ครั้นถึงเหนน้องพระภุชพงษ
ยืนรถกลางจัตุรงค์ซรับซร้อน
ยินดีหยุดลอยตรงหน้ารถ กลาดนา
ให้ประโคมขับฟ้อนเฟื่องฟื้นใจเฟือน
          เทพบุตรนิมิตรทั้งอับศร สวรรค์เอย
รำท่าช้านางนอนแขกเต้า
พิศมัยร่ายเรียงหมอนพรหมนิมิตร แลนา
หงษร่อนภมรเคล้าสรอดสร้อยมาไลย
          พระลักษณ์ถามซักไซร้หณุมาน
ไฉนจึ่งมัฆวานทำดั่งนี้
วายุบุตรว่าบริวารถือสาตร สิ้นเอย
ผิดเทพยแต่ก่อนกี้อย่าพลั้งรวังองค์
          พระลักษณ์สดับถ้อยขุนกระบินทร์
ฟังอับศรเทวินท์ขับร้อง
เพลิดเพลินนิยมยินยลสติ เผลอเอย
เหล่ากระบี่มองจ้องจิตรเคลิ้มลืมรวัง

จบห้องที่ ๗๕

  เนื้อความกล่าวถึงพระรามให้พระลักษณ์คุมทัพออกสู้ศึก ยักษ์กำปั่นต่อสู้กับหนุมาน ในที่สุดถูกหนุมานฆ่า กองระวังเหตุกรุงลงกาจึงรีบไปทูลทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์ลืมนึกถึงคำที่อินทรชิตทูลสั่งไว้ จึงให้ไวยะกาสูรไปบอกอินทรชิตว่ายักษ์กำปั่นถูกสังหารสิ้นชีพแล้ว ขอให้อินทรชิตรีบกลับมาสู้ศึก ขณะที่อินทรชิตสาธยายมนตร์ ได้ยินไวยะกาสูรกล่าวถึงความตายก็สะดุ้ง เสียพิธี เสื่อมเวท ก็โกรธเกรี้ยวกราดเกือบจะตัดหัวไวยะกาสูร ครั้นได้สติก็บริกรรมคาถา ๑,๐๐๐ ครั้งปลุกเสกศรพรหมมาศ แล้วให้ฆ่าแพะดำ โคดำ เอาถาดทองรองเลือดให้ศรพรหมมาศสูบกินจนหมด ต่อจากนั้นสั่งให้พลยักษ์แปลงกายเป็นเหล่าเทพบุตร คนธรรพ์ และอัปสร ส่วนอินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ ให้ยักษ์การุณเนรมิตกายเป็นช้างสามสิบสามเศียรเช่นเดียวกับช้างเอราวัณ เมื่ออินทรชิตได้ฤกษ์ก็ยกพลไปที่สนามรบ อินทรชิตเห็นพระลักษณ์ยืนรถอยู่กลางหมู่ทหารวานร ก็สั่งให้บรรดาพลยักษ์ที่แปลงกายทั้งหลายบรรเลงดนตรี ขับมโหรี และร่ายรำ พระลักษณ์เห็นพระอินทร์พร้อมด้วยเหล่าเทวดาเช่นนั้นก็ตรัสถามหนุมานว่า เหตุใดพระอินทร์พร้อมด้วยเหล่าเทวดาจึงมาทำเช่นนี้ หนุมานทูลว่าทั้งพระอินทร์และบริวารถืออาวุธทั้งสิ้นผิดไปจากแต่ก่อนขอให้พระลักษณ์ระวังองค์ แต่พระลักษณ์ทอดพระเนตรเหล่านางอัปสรแปลงร่ายรำก็เพลิดเพลินจนลืมระวังองค์

ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “สั่งให้จัดพล”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “ไล่เตลอดตลุมบอน”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “หณุมานรุกราญรอน”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “กวัดแกว่งตรีคมกล้า”